- หน้าแรก
- ข่าวประชาสัมพันธ์
- รายละเอียดข่าว
เปิดข้อมูลไม้ผลตะวันออก ปี 61 รอบแรก คาด ผลผลิตรวม 8 แสน 2 พันตัน เพิ่มขึ้นจากปี 60 ร้อยละ 1.37
ข่าวที่ 164/2560 วันที่ 29 ธันวาคม 2560
เปิดข้อมูลไม้ผลตะวันออก ปี 61 รอบแรก คาด ผลผลิตรวม 8 แสน 2 พันตัน เพิ่มขึ้นจากปี
60 ร้อยละ 1.37
สศก.
แจงข้อมูลไม้ผลเอกภาพรอบที่ 1 ปี 61 ของไม้ผล4 ชนิด ได้แก่ ทุเรียน เงาะ มังคุด และลองกอง ใน 3 จังหวัดตะวันออก จันทบุรี ระยอง
และตราด คาด ผลผลิตรวม 802,973 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 60
ร้อยละ 1.37เผย
ผลผลิตรวมทั้ง 4 สินค้าเพิ่มขึ้นทุกชนิด โดยเฉพาะ เงาะ เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยปริมาณน้ำเพียงพอ พร้อมติดตามสถานการณ์อีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์
ศกหน้า
นายวิณะโรจน์
ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เปิดเผยถึงการบูรณาการจัดทำข้อมูลปริมาณการผลิตไม้ผลเอกภาพรอบที่ 1 ปี 2561 ซึ่ง
สศก. โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 จังหวัดชลบุรี (สศท.6)
และศูนย์สารสนเทศการเกษตร (ศสส.)
ร่วมมือกับคณะทำงานสำรวจข้อมูลไม้ผลเศรษฐกิจภาคตะวันออก ประกอบด้วย
สำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 3 (สสก.3) จังหวัดระยอง และสำนักงานเกษตรจังหวัดระยอง
จันทบุรี และตราด ซึ่งคณะทำงานฯ ได้พยากรณ์ผลผลิตไม้ผลภาคตะวันออก ครั้งที่ 1
ของสินค้า 4 ชนิด ได้แก่ ทุเรียน มังคุด เงาะ และลองกอง ในพื้นที่ 3 จังหวัด
ได้แก่ จันทบุรี ระยอง และตราด
เพื่อใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้นในการวางแผนบริหารจัดการผลไม้ตั้งแต่ต้นฤดู
สำหรับผลพยากรณ์ ปี 2561 ครั้งที่ 1(ข้อมูล ณ 4 ธันวาคม 2560)พบว่าเนื้อที่ให้ผลของไม้ผลทั้ง 4 ชนิด มีจำนวน
622,126 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่มีจำนวน 605,481 ไร่ (เพิ่มขึ้น 16,645 ไร่
หรือ ร้อยละ 2.75) โดยทุเรียนเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 5.42มังคุดเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.76และเงาะเพิ่มขึ้นร้อยละ0.97ส่วนลองกองลดลงร้อยละ 3.73
ผลผลิตรวมทั้ง 4 สินค้า คาดว่าจะมีประมาณ 802,973 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่มีจำนวน
792,113 ตัน (เพิ่มขึ้น 10,860 ตัน หรือ ร้อยละ 1.37)โดยผลผลิตจะออกมากช่วงปลายเดือนพฤษภาคม
ต่อเนื่องถึงกลางเดือนมิถุนายน คาดการณ์ว่าผลผลิตรวมของทั้ง 4
สินค้าจะเพิ่มขึ้นทุกชนิด โดยเงาะจะเพิ่มขึ้นมากที่สุดอยู่ที่ร้อยละ
3.48 เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยปริมาณน้ำเพียงพอ รองลงมาได้แก่มังคุดเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.23ทุเรียนเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.54 และลองกองเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.04
ผลผลิตต่อไร่
เงาะ และ ลองกอง คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวย
ประกอบกับในปีที่ผ่านมาไม้ผลบางต้นไม่ติดผลหรือให้ผลผลิตน้อยทำให้มีเวลาในการพักต้นสะสมอาหารต้นสมบูรณ์ขึ้นส่วนหนึ่งในขณะที่ผลผลิตต่อไร่ทุเรียน และ มังคุด
มีแนวโน้มลดลงเนื่องจากในปีที่ผ่านมาติดดอกออกผลมากจึงคาดว่าต้นมังคุดจะพักสะสมอาหาร อีกทั้งปีที่ผ่านมา ต้นทุเรียนประสบปัญหาเชื้อราไฟทอปเธอราที่ระบาด
ทำให้ทุเรียนรากโคนเน่ายืนต้นตาย ขยายเป็นพื้นที่กว้างทั้งจังหวัดจันทบุรีและตราด
โดยเฉพาะแหล่งผลิตใหญ่ในจังหวัดจันทบุรีได้รับผลกระทบมากทำให้จำนวนต้นต่อไร่ที่ให้ผลผลิตได้ลดลง
ด้านนายสุชัย กิตตินันทะศิลป์ ผู้อำนวยการ สศท.6กล่าวเสริมถึงสถานการณ์ในขณะนี้ว่าทุเรียนออกดอกแล้วประมาณร้อยละ 60
ผลผลิตที่ติดผลในช่วงแรกเป็นทุเรียนพันธุ์เบาและทุเรียนที่ใช้สารกระตุ้นการออกดอก
โดยจะเป็นพันธุ์กระดุมและหมอนทองบางส่วนเงาะออกดอกแล้วประมาณร้อยละ 2 ด้าน มังคุดออกดอกแล้วประมาณร้อยละ 3ขณะที่ ลองกองยังไม่ออกดอก
ซึ่งลองกองสามารถออกดอกได้ตลอดทั้งปี ถ้าหากสภาพต้นที่สลดขาดแคลนน้ำ
เนื่องจากในช่วงปลายปี 2560 มีฝนตกอย่างสม่ำเสมอ
ต้นลองกองยังไม่สลดจึงยังไม่มีพัฒนาการการออกดอก
สำหรับแนวทางบริหารจัดการผลไม้ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ปี 2561 ยังคงเน้นเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยเป็นสำคัญ โดยให้จังหวัดคำนึงถึงการบริหารจัดการผลไม้ทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพซึ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานของผลไม้
ควบคู่กับการสร้างมูลค่าเพิ่มของผลไม้ตลอดฤดูกาลผลิต ด้านเชิงคุณภาพ
เช่น การส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพผลผลิตสู่มาตรฐาน (GAP) และมาตรฐานเกษตรอินทรีย์
ส่งเสริมเกษตรกรรายย่อยให้รวมกลุ่มเพื่อผลิตไม้ผลในลักษณะแปลงใหญ่ อบรมและถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาคุณภาพการผลิต
เป็นต้น ส่วนในเชิงปริมาณ เช่น การเชื่อมโยงตลาดล่วงหน้า การจัดทำแผนบริหารจัดการผลผลิตส่วนเกิน เป็นต้น
ทั้งนี้จังหวัดจะจัดทำรายละเอียดของแผนบริหารจัดการผลไม้ในพื้นที่ โดยมี คณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัด
(คพจ.) เป็นแกนหลักในการกลั่นกรอง เชื่อมโยง บูรณาการ แผนงานหรือโครงการต่อไป
อย่างไรก็ตาม
หากสภาพดินฟ้าอากาศแปรปรวนอาจทำให้ปริมาณผลผลิตไม้ผลเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลง ได้อีก
เนื่องจากปีนี้สภาพอากาศในช่วงแรกของภาคตะวันออกมีฝนตกค่อนข้างมากในเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน
ส่งผลต่อการติดดอกออกผลของผลไม้โดยเฉพาะมังคุด เงาะ และลองกองที่ออกดอกล่าช้า จึงยังไม่เห็นพัฒนาการที่ชัดเจน
โดยดอกมังคุด และเงาะจะเห็นผลได้ชัดเจนอีกครั้งหลังกลางเดือนธันวาคมเป็นต้นไป ซึ่ง
สศท.6 จะได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและลงพื้นที่สำรวจในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ทั้งนี้
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 จังหวัดชลบุรี
โทร. 038 352435 หรืออีเมลzone6@oae.go.th
*********************
ข่าว : ส่วนประชาสัมพันธ์
ข้อมูล : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 จังหวัดชลบุรี และ ศูนย์สารสนเทศการเกษตร